3 ปัจจัยหลักที่ทำให้เมล็ดกาแฟคั่วเสื่อมคุณภาพ
1.อากาศ การที่เมล็ดกาแฟคั่ว หรือกาแฟคั่วที่บดแล้ว สัมผัสกับอากาศโดยตรงเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในเมล็ดกาแฟคั่วมีน้ำมันอยู่ในเมล็ด และเมื่อน้ำมันสัมผัสกับอากาศ (ออกซิเจนในอากาศ) จะทำให้เมล็ดกาแฟคั่วมีกลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไป ซึ่งคล้ายกับการที่เราตั้งน้ำมันที่ใช้ทำอาหารทิ้งไว้แล้วสัมผัสกับอากาศเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนได้เช่นเดียวกัน
วิธีป้องกัน
หลีกเลี่ยงการนำกาแฟคั่วสัมผัสกับอากาศโดยตรงเป็นเวลานาน เปิดใช้กาแฟเท่าที่พอใช้ เมื่อใช้ไม่หมดควรเก็บใส่ขวดโหลที่ปิดสนิทหรือในถุงกาแฟที่ลมออก โดยเฉพาะอย่างยิงถ้าเราบดเมล็ดกาแฟแล้ว จะเป็นการเพิ่มพื้นที่ ที่สัมผัสกับอากาศมากขึ้นทำให้ผงกาแฟเสื่อมคุณภาพได้เร็วมาก ดังนั้นหากไม่จำเป็นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการบดกาแฟทิ้งไว้ครั้งละมาก ๆ
2. ความชื้น เมื่อเรานำเมล็ดกาแฟคั่ว หรือกาแฟคั่วที่บดแล้ว มาไว้ในพื้นที่ที่ชื้นหรือมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ จากคุณสมบัติที่เมล็ดกาแฟมีความสามารถในการดูดความชื้นและกลิ่นได้ดี เมล็ดกาแฟจะดูดซับสิ่งเหล่านั้น และทำให้เกิดรสชาติและกลิ่นที่เปลี่ยนไปจากเดิม
วิธีป้องกัน
หลีกเลี่ยงการเก็บเมล็ดกาแฟในพื้นที่ที่มีความชื้น เช่น การเก็บเมล็ดกาแฟในตู้เย็น พื้นที่ใต้อ่างล้างมือ หรือพื้นที่ที่ใกล้กับห้องน้ำ
3. ความร้อนและแสง เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้กาแฟคายแก๊ส (Degas) เร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้กาแฟเก่าเร็วขึ้นด้วยนั่นเอง
วิธีการป้องกัน
ความร้อนและแสงทั้งที่เกิดในธรรมชาติและหลอดไฟหรือ สิ่งที่ให้กำเนิดความร้อนจะทำให้กาแฟเก่าเร็วขึ้น การป้องกันคือ กาแฟที่ยังไม่ได้เปิดถุง หลีกเลี่ยงการเก็บกาแฟไว้ในที่ที่มีความร้อน เช่น บนหลังเครื่องชงกาแฟ ส่วนกาแฟที่เปิดถุงแล้วหรือเหลือจากการใช้งานให้เก็บในภาชนะที่เป็นสุญญากาศและเก็บไว้ในตู้ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
การเก็บรักษา
ในกรณีที่ยังไม่เปิดบรรจุภัณฑ์ ควรเก็บบรรจุภัณฑ์ไว้ในพื้นที่ที่ปลอดภัยจาก ความร้อน แสง และความชื้น
ในกรณีที่เปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว หากใช้ไม่หมด ควรปิดถุงให้สนิทด้วย เครื่องซีล หรือ เทปให้สนิท หรือใส่ในโหลแก้วที่มีแถบสุญญากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เมล็ดกาแฟสัมผัสกับอากาศ